ช่วงนี้ขอเกาะกระแสเพลงฮิตกันหน่อยกับเพลง "ไม่คิดถึงเลย" ที่ตอนนี้ดูจะมีการแชร์กันเยอะมากในโลกออนไลน์ ทั้งเนื้อหาเพลงที่กินใจใครหลายคน ยังไม่พอ เมื่อได้ปล่อย mv ออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกัน เรียกได้ว่า น้ำตาแทบร่วงกันเลยทีเดียว ไหนๆ เพลงและ mv ก็ฮิตติดหูกันขนาดนี้แล้ว lookbook จะพลาดได้อย่างไร ขออินกับกระแสนี้หน่อยแล้วกัน โดยจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ 4 หนุ่มอารมณ์ดีอย่าง วง NAP A LEAN เจ้าของบทเพลง "ไม่คิดถึงเลย" นอกจากจะจะถามถึงเรื่องราวของงานด้านดนตรีแล้ว เราจะขอตามไปสืบความลับเอ้ยความรักของแต่ละคนกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ฮันแน่ อยากรู้แล้วใช่มั้ย งั้นตามไปดูกันเลยค่ะ
NAP A LEAN
นักร้องหนุ่ม ไซต์กะทัดรัด นอกจากจะร้องเพลงแล้ว ยังทำหน้าที่แต่งเพลงของวงอีกด้วย
โต้ : งานอดิเรกผมชอบนอนกับเตะบอลครับ ถ้านอกจากนักดนตรีแล้ว ผมอยากลองเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล เพราะตอนเด็กๆ เราเห็นทีมฟุตบอลเตะเก่ง เลยอยากรู้ว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลทำอะไรบ้างครับ
มือกีต้าร์บุคลิกคล่องแคล่ว มาดกวน ผู้รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของวง
ฮั้ว : งานอดิเรก ชอบถ่ายรูปครับ ช่วงนี้จะถ่ายกล้องฟิล์ม เพราะตอนล้างฟิล์มมันจะรู้สึกตื่นเต้นว่า รูปจะออกมาเป็นยังไงบ้าง มันสนุกดี นอกจากถ่ายรูปผมก็จะชอบดูหนัง ในทุกๆ 1 อาทิตย์ผมจะดูหนัง 1 เรื่องครับ โดยเฉพาะวันพุธ เพราะมันถูกดี (หัวเราะ)
ถ้าถามว่านอกจากนักดนตรี ผมอยากเป็นอะไร ผมอยากเป็นชาวประมง อยากออกเรือไปตกปลา ผมว่ามันเป็นอาชีพที่มันขึ้นอยู่กับธรรมชาติดี เหมือนเอาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ ทะเลมันสงบ ไปตกปลา กลับบ้านมาก็เอาไปขาย มันน่าจะแฮปปี้น่ะ
พี่ใหญ่ประจำวง รับหน้าที่ตีกลองในทุกเพลงที่ผ่านมาและการตีกลองของพี่ดอนคงเจ๋งพอๆ กับลวดลายบนร่างกายของเขา
ดอน : งานอดิเรกผมชอบอ่านหนังสือ ไปข้างนอก ออกไปหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถ เครื่องมือกลอง ด้านดนตรี ประมาณนี้ครับ ส่วนถ้าถามถึงอาชีพที่อยากทำนอกจากนักดนตรีแล้ว คงจะเป็นเปิดอิมพอร์ตรถนำเข้า อยากทำอะไรที่เกี่ยวกับรถครับ
มือเบสมากฝีมือ ผู้เป็นส่วนหนึ่งของ NAP A LEAN มาตั้งแต่เริ่มต้น
บาส : งานอดิเรกก็จะ ดูหนัง เล่นเกมส์ เล่นกีฬา นอกจากเล่นเบสแล้วผมอยากเป็นพ่อครัวครับ อยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง
โต้ : ย้อนไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ที่เชียงใหม่ คือ พวกเราเล่นดนตรีกันอยู่ที่เชียงใหม่ ผมไปเจอคุณฮั้วที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่คุณฮั้วเค้าทำงานอยู่ ตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย ซึ่งผมแต่งเพลงอยู่คนเดียว และคุณฮั้วก็เพิ่งออกจากวงเก่า ต่างคนต่างรู้ว่าเล่นดนตรีกันอยู่แล้ว เพราะตอนม. ปลายฮั้วเค้าอยู่วงดนตรีของโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่ผมอยู่อีกโรงเรียนนึง เราจะได้ไปเจอกันตามงานแข่งอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นเพื่อนกันครับ ตอนนี้ก็ยังไม่เป็น (หัวเราะ)
พอเข้าตอนมหาลัย คุณฮั้วทำวงกับเพื่อนผมคนนึงก่อนที่จะออกมา เราก็เลยรู้จักกัน ลองแลกเพลงที่เราแต่งให้กันฟัง เราก็รู้สึกชอบเพลงของกันและกัน ตอนนั้นฮั้วเล่นเพลง “ได้ยินข่าว” ให้ผมฟัง ซึ่งเพลงแรกของวง จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากทำเพลงด้วยกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นครับ
ครั้งแรกเรามีกัน 2 คน แต่เพลงเราก็ได้พี่ทั้ง 2 คน อย่างพี่ดอนและพี่บาสมาช่วยนี่แหละครับ พี่ดอนเค้าเล่นดนตรีกลางคืนกับผม ผมเลยดึงมาช่วยตีกลองให้ ตอนนั้นเค้ามีวงเป็นของตัวเอง ส่วนบาสเป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยอนุบาล แล้วผมก็ทราบว่าเค้าเล่นเบส จึงดึงเค้าเข้ามาทำเพลงด้วยกัน และอัดเบสกับพี่ๆ nap a lean และอีกอย่างหนึ่งคือเค้าจะคอยเล่น Backup ให้กับเรา ตอนที่เราไปแสดงสดทุกครั้ง
ฮั้ว : ไม่มีอะไรมากครับ เริ่มจากคำว่า nap แปลว่า งีบหลับ คือพวกเราทั้งหมด 4 คน ทำงานกลางคืน ซึ่งอาชีพของผมจะแตกต่างจากเพื่อนๆ คือ เป็น Barista ร้านกาแฟที่เชียงใหม่ ส่วนกลางคืนก็เป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารปุ่น ซึ่งเวลาเลิกงานจะเป็นช่วงเวลาใกล้ๆ กัน และเราก็จะมานั่งทำเพลงกันที่ร้านผมนี่แหละ นั่งคุยกัน แต่งเพลง ซ้อมดนตรี พอตื่นเช้าไปทุกคนก็จะไปเรียนกัน แล้วก็จะ nap จะงีบ แอบหลับในเวลาเรียน ประมาณนี้ครับ
ส่วน a lean เราเติมขึ้นมา โดย lean ถ้าแปลเป็นภาษาไทยตรงๆ แปลว่า การเอน การนอน พิงพนัก ส่วน a ผมเพิ่มเข้าไปให้มันผิดไวยากรณ์ เวลาเพื่อนๆ search หา จะได้เจอวงเราเลย โดยเราเริ่มทำเพลงกันเมื่อปี 2011 และในช่วงเวลานั้น ใครๆ ก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ต เราเลยตั้งชื่อ ที่มันสามารถ search ง่ายที่สุด
โต้ : ทุกเพลงของวงเราจะเป็นเพลงที่แต่งขึ้นเอง ตอนผมกับฮั้วแต่งเพลงยังเป็นแบบมือสมัครเล่น ที่ระบายความรู้สึกของตัวเองลงไปในเพลง ไม่ว่าจะได้ยินเรื่องอะไรมา ก็เอามาเขียนเป็นเพลง ทุกเพลงของวงเกิดขึ้นเพราะเรื่องของผมกับฮั้ว บางครั้งก็เป็นเรื่องรอบข้าง คนรอบตัว โดยเนื้อหาของทุกเพลง เราจะเขียนเอง เรียบเรียงเอง บันทึกเสียงเอง ทุกเพลงเลยครับ
ส่วนแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง สำหรับผมเป็นเรื่องของตัวเองและคนรอบข้าง มักจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะเรายังเก่งไม่พอที่จะไปจินตนาการเขียนเพลงที่เรายังไม่มีความรู้สึกอยู่กับมัน ถ้าเกิดเพลงไหนเรามีความรู้สึก เราจะเขียนและชอบมันเอง เพราะฉะนั้นเราจะพอใจกับมัน เราจะกล้าปล่อยออกมา แต่ถ้าเขียนเพลงทั้งที่เรายังรู้สึกไม่อิน เราก็จะเฉยๆ
nap a lean เป็นเพลงสไตล์ เพลงป็อปทั่วไป ด้วยความที่เราทั้ง 4 คนเป็นนักดนตรีกันอยู่แล้ว เวลาที่เราเล่นดนตรี ก็อยากจะแสดงศักยภาพให้เต็มที่ และทำดนตรีให้มันสนุกมากขึ้น
ส่วนใหญ่เรื่องเงินครับ (หัวเราะ) ถ้าเป็นเรื่องของดนตรีก็จะเป็นเรื่องเวลา วงผมชิว มันชอบช้าและทำไม่ทัน แล้วจะมาขยี้ตอนเขียนโปรแกรมไม่ทัน ผมก็สมองฝ่ออยู่ เวลา จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ถือว่าเป็นอุปสรรคหนึ่ง ที่เราต้องฝึกตัวเอง คือ เราต้องเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำงานแข่งกับเวลา ทำงานยังไงให้งานออกมาดีเมื่อแข่งกับเวลา
ส่วนวิธีจัดการปัญหา คงทำให้มันง่ายขึ้น เร็วขึ้น คือ เขียนเพลงโยนมาในแต่ละแผนกต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เร็ว เพราะเราต้องคิดเสมอว่า ถ้าแผนกเราช้า แผนกต่อไปเค้าก็จะทำอะไรไม่ได้ ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ถ้าเราคิดว่าทำงานเป็นทีม มันจะทำงานเร็วขึ้น คือทำ 4 คน คงเร็วกว่าคนเดียวแน่นอนครับ ถ้าเราทำงานให้เป็นทีมเวิร์คมากขึ้น เรื่องอุปสรรคเวลาก็จะหมดไป
ดอน : การใช้ชีวิตทุกอย่างที่กรุงเทพฯ มันต้องมีการวางแผนตั้งแต่ตื่นนอน ซึ่งมันแตกต่างกันมากกับที่เชียงใหม่ เพราะที่นู้นมันชิวมาก จะตื่นกี่โมงก็ได้ แต่เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ เราต้องคิดเวลาในเดินทางแต่ละครั้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ซึ่งมันทำให้เรากระฉับกระเฉงขึ้น
โต้ : ส่วนในแง่ของดนตรี ผมมองว่า วงเราได้มีโอกาสมาเจอกับศิลปินที่เป็นมืออาชีพเยอะขึ้น พอเราได้เจอกับรุ่นพี่ศิลปินที่เค้าเป็นมืออาชีพ ทีมงานมืออาชีพ มันทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น ประมาณว่า เราจะทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องทำให้ดีไปเลย
ฮั้ว : ผมชอบ โมเดิร์นด็อก , โยคีเพลย์บอย , P.O.P ชอบค่ายเบเกอรี่ทั้งค่ายเลย
โต้ : ของผมก็จะมี โยคีเพลย์บอย , P.O.P , สควีซ แอนนิมอล แทบจะทั้งค่ายเช่นกัน
ดอน : ถ้าเป็นศิลปินไทย น่าจะเป็น ซิลลี่ฟูล ครับ
บาส : เมื่อก่อนค่ายเบเกอรี่ก็จะเป็นยุคเรา อย่าง พี่บอย แต่วงที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจการในเล่นดนตรีจริงๆ คงเป็น Soul After Six
บาส : คงเป็นรสชาติของชีวิต มันเหมือนการกินอาหาร ว่ากินอะไรไปแล้วมีรสหวานหรือป่าว หวานมากไปมันก็จะอ้วนเหมือนผม เราควรจะกินผักหรือเปล่า มันน่าจะนิยามเป็นอาหารได้นะครับ
โต้ : ความรักคือการผสมผสานระหว่าง ความเห็นแก่ตัวกับการให้ คือ 2 อย่าง มันอยู่ด้วยกัน ผมเชื่อว่า ยังไงก็ตามถึงจะพูดว่าความรักคือการให้ยังไง เราก็ยังต้องการการรับอยู่ดีแหละ
ดอน : เปรียบเสมือนเป็นอากาศ ถ้าเราไม่มีอากาศ เราก็จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ เราก็เลยต้องมีความรัก รักพ่อแม่ รักน้อง รักแฟน รักใครก็ได้ ถ้าไม่มีความรักก ก็เหมือนเรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ เหมือนที่เรารัก Lookbook Thailand ประมาณนี้
ฮั้ว : นิยามความรักของผมคือครอบครัว ทุกคนเป็นเหมือนคนในครอบครัว ความรักคือครอบครัวไม่ใช่ครอบครอง
ไม่คิดถึงเลย
BY NAP A LEANการอดทน..เป็นเรื่องที่เราต้องพบเจอ
แต่กับการอดทน ‘ไม่คิดถึง’ ใครสักคน
มันทรมาน… ลึกลงในหัวใจ
‘ไม่คิดถึงเลย’ เพลงช้า จาก 4 หนุ่ม Nap A Lean ที่พวกเขาขอส่งอีกหนึ่งอารมณ์ของคนที่ไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปได้ มันจึงเป็นเพียงความคิดถึงที่ถูกรั้งเอาไว้ แค่เพราะ “ไม่อยากตกเป็นภาระของแฟนเก่า” เลยทำได้แค่ตัดพ้อ และโกหกความรู้สึกของตัวเอง ว่าไม่เคยคิดถึงอีกฝ่ายเลยสักครั้งเดียว
โต้ : ตอนนั้นอยู่หอ และตอนเย็นๆ ผมไม่ชอบเปิดไฟ ผมชอบปิดไฟ ซึ่งตอนนั้นมันรู้สึกเหงา แต่เมื่อไหร่ที่เราออกไปเจอเพื่อน เราไม่อยากบอกเพื่อนว่าเรารู้สึกเหงา มันก็เลยย้อนคิดถึงความรักของตัวเองเมื่อก่อน จนทำให้ผมได้แต่งเพลงนี้ขึ้นมา เมื่อได้เพลงแล้วผมก็วิ่งลงไปหาฮั้วอีกห้องนึง ประมาณว่าเล่นให้ฮั้วฟัง หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการทำงานเหมือนเดิมครับ
ส่วนเนื้อเพลง ก็มาจากผมนี่แหละ ชีวิตจริงเลย ตามเพลงเลยฮ้ะ ไม่อยากเป็นภาระของใครก็เลยเขียนเพลงขึ้นมา (หัวเราะ) ส่วนมากเพลงที่แต่งของวงเราจะมาจากความรู้สึก ถ้าเราอิน มันก็จะตรงใจเราที่สุด
ผลตอบรับดีมาก ใจชื้นขึ้น มีคนแชร์เยอะจังเลย คนเข้ามาดูในยูทูปเยอะจังเลย คือ ความคาดหวังกับเพลงนี้มันมีพอสมควรนะครับ แต่ก็เกินความคาดหวังอยู่ เพราะจำได้ว่าวันที่ปล่อยเพลงวันแรกผมยังซ้อมดนตรีอยู่ แล้ววันนึงผมต้องไปเล่นที่อุดรฯ ก็คิดว่าถ้าตื่นมาได้สัก 3 หมื่นวิว ก็โอเค แต่ความเป็นจริง มันแสนวิว เราก็ เฮ้ย มันเกินความคาดหมาย สิ่งหนึ่งที่ดีใจ คือ แฟนเพลงเก่าที่เข้ามาฟัง เค้าก็ยังชอบอยู่ เพราะว่าในการเดินทาง วิถีดนตรีเราก็มีการปรับปรุง ส่วนใหญ่ก็ยังชอบอยู่ ถึงแม้ว่าเพลงไม่คิดถึงเลยจะฟังง่ายกว่าเพลงอื่น
ถ้าชอบจริงๆ ก็ฟังมันเยอะๆ ถ้าอยากเล่นดนตรี ก็เล่นไปเลย หาเพื่อนรวมวงกัน ทำตามความฝัน ลองทำดูนะครับกับสิ่งที่เราชอบ มันก็อาจจะดีกว่าการอยู่เฉยๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แก่มาจะได้ไม่เสียดาย ทำเยอะๆ คิดน้อยๆ อยากให้น้องๆ ทำดนตรีด้วยความรักจริงๆ ทำด้วยความเชื่อดนตรีของตัวเอง ทำต่อไปอย่าหยุด วันนึงจะมีคนเห็นผลงานของเราเอง
คำถามจากแฟนคลับ : เพลงไม่คิดถึงเลย ถ้ามีโอกาสได้พูดกับคนที่เราคิดถึงอยู่ขณะตอนแต่งเพลง จะพูดว่าอะไร
โอ้โห รายการเจาะใจรึป่าวครับ (หัวเราะ) อยากจะบอกเค้าว่า จะทำอะไรก็ทำต่อไป อย่าได้กังวลจนฉันเป็นคนที่ทำร้าย เธออีก ตามเนื้อเพลงเลยครับ
ฮั้ว : สิ่งๆ นี้ไม่มีเพดาน ไม่มีสูงสุด ผมมองว่ามันเป็นต้นไม้ที่เราปลูกกัน 4 คน ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะโตไปได้แค่ไหน อาจจะถึงค่ายยักษ์บนท้องฟ้าสวรรค์ก็ได้ แต่เราจะทำให้มันดีที่สุด โดยต้นไม้ต้นนี้ มันจะต้องโตขึ้นไปเรื่อยๆ แหละครับ
คิดยังไงกับวงการดนตรีไทยที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ
โต้ : คงเป็นความตื่นเต้นของวงการดนตรีไทย เท่าที่ผมได้มองเห็นหลายๆ วง เค้าจะมีความหลากหลายมากนะครับ ในแต่ละแนวทาง ฉะนั้นเหมือนเป็นการเพิ่มมิติในวงการดนตรีไทย มีสีสัน มีความหลากหลาย มีการกระจายคนฟังไปในแนวเพลงที่หลากหลายมากขึ้น มันจะทำให้คำว่า “เพลงตลาด” ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันจะมีคำว่า เพราะ ไม่เพราะ ใหม่ แปลก สนุก มากกว่า มีวงให้เล่นเยอะ มีคนฟังที่เปิดหูกว้างขึ้น วงการดนตรีไทยอาจจะกลับมาคึกคัก เฟื่องฟู แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งก็ได้ครับ อยากฝากถึงแฟนเพลง ช่วยสนับสนุนวงการดนตรีไทยด้วย ถ้าชอบวงไหนก็ซื้อบัตรไปดูเค้าแสดงสด หรือ ซื้อเพลงแบบไม่ผิดกฎหมาย ช่วยเป็นกำลังใจ เป็นพลังใจให้ศิลปินด้วยนะครับ
สุดท้ายอยากให้ฝากผลงานกันหน่อยค่ะ
ดอน : สำหรับคนที่รู้จักและยังไม่รู้จัก พวกเรา NAP A LEAN ก็ขอฝากผลงานซิงเกิ้ลล่าสุดของพวกเราด้วยนะครับกับเพลง ไม่คิดถึงเลย สามารถหาได้ใน youtube พิมพ์คำว่า ไม่คิดถึงเลย เพลงเราจะขึ้นมาเป็น playlist แรกเลยครับ
โต้ : ผมขอฝากคำขอบคุณไปละกันนะครับ สำหรับแฟนเพลงทุกคน ตั้งแต่เราเจอกันมา เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาตลอด ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจที่คอยสนับสนุนพวกเรา และเพลงไม่คิดถึงเลย ถ้าใครชอบ ลอง cover มาให้เราดู เราอยากฟังเพื่อนๆ ร้องเพลงนี้ แล้วถ้าวงเรามีเล่นที่ไหน ก็อยากเชิญชวนไปร้องเพลงไม่คิดถึงเลยด้วยกัน รวมถึงทุกเพลงของวงด้วยครับ
ดอน : ขอฝากช่องดิจิตอลดาวน์โหลดกด *49154439 โทรออก ส่วนช่องทางการฟังเพลง มีทั้ง itune , kkbox , jooxmusic สามารถเลือกฟังได้ตามใจชอบเลยครับ
นอกจากเพลงเราแล้ว ก็ขอฝากงานกีฬา ในวันที่ 22 ตุลาคม จะมีปรากฏการณ์ทางวงการดนตรีผสมกับกีฬา ชื่องานว่า Thailand Music League 2016 เป็นการแข่งขันกีฬา ระหว่างศิลปินทั้ง 4 ค่าย รวมถึงการ battle เรื่องดนตรีอีกด้วย เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการดนตรีไทย สำหรับค่ายเพลงขนาดกลาง ที่มารวมตัวกัน จัดงานน่ารักๆ เหมือนแข่งกีฬาสีเชื่อมความสัมพันธ์พร้อมมีการเล่นดนตรีด้วย เพื่อให้ศิลปินมารู้จักกัน ทำให้วงการดนตรีไทยแข็งแรงขึ้นอีก และเมื่อมีการแลกเปลี่ยนเพลงกันอีก ก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ เคนดูมีแต่ได้กับได้นะครับ อยากให้ไปเชียร์ทีม spicydisc ด้วยนะครับ สีน้ำเงิน แต่ถ้าใส่สีไรไปเราก็เชียร์กันหมดนั่นแหละ
เพื่อนๆ สามารถติดตามรายละเอียดของวง NAP A LEAN เพิ่มเติมได้ที่
Facebook : NAP A LEAN
Instagram : nap_a_lean
Writer : Plowhy
Photographer : Chayang Chayangkul